แม้ในปัจจุบัน ประชาธิปไตยจะยังไม่มีนิยามที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วกันก็ตาม แต่ความเสมอภาคและอิสรภาพได้ถูกระบุว่าเป็นคุณลักษณะสำคัญของประชาธิปไตยนับตั้งแต่โบราณกาลมาแล้ว . . . . . . .ความเป็นประชาธิไตยจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ มนุษย์เรียนรู้ที่จะไม่ทำร้ายกันเองก่อน และนี่คือสัจจะแห่งการอยู่ร่วมกันโดยสันติ นี่คือความคงอยู่อย่างตลอดกาลของมนุษยชาติ

ที่มา และอำนาจของ สส.

     เราจะได้อะไร? จากการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนฯ

ก. ที่มาของ สส. และกรอบอำนาจ
     ประเด็นที่ 1 ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจกับคำว่า "ประชาชน" กันก่อน
ประชาชน ใตความหมายทางการเมืองการปกครองประเทศนั้น ก็คือ คนที่มีสัญชาติไทย คนที่มีหน้าที่เสียภาษี (ภาษีคือเงินแผ่นดิน หรือเงินงบประมาณใช้ในการบริหารประเทศ ที่นำไปใช้จ่าย เป็นเงินเดือนข้าราชการ เป็นค่าก่อสร้างอาคารสำนักงานของรัฐ รวมถึงเงินลงทุน เงินกองทุน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จากการใช้เงินก้อนนี้) ทั้งนี้คำว่าประชาชนจึงไม่ควร นับรวมถึง "ข้าราชการ" ทีทำงานด้านการปกครองอยู่แล้ว (เราให้สิทธิเลือกตั้งกับข้าราชการ ในการเลือกตั้งตัวแทนเฉพาะของเขาในกระทรวง ทบวง กรมอยู่แล้ว ถ้าให้สิทธิในการเลือกผู้แทนราฏฎรซ้ำซ้อนขึ้นอีก จะเป็นการเอื้อให้ เขาสร้างกลุ่มอิทธิพลขึ้นในสภาผู้แทนราษฎรได้
     ประเด็นที่ 2 สส.(สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร) คือตัวแทนของประชาชน ที่เข้าไปร่วมบริหารประเทศ ในสภาธรรมาภิบาล หรือสภาสูง หรือรัฐสภาในฐานะตัวแทนประชาชนกลุ่มอาชีพต่าง ๆ มีหน้าที่ ควบคุม กำกับ ดูแล เงินแผ่นดิน และการทำงานของข้าราชการ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนทั้งประเทศ
     ทั้งสองประเด็นเป็น หลักการ แนวทาง ของการปฏิบัติงาน เป็นระบบที่ไม่เกินวิสัยที่มนุษย์ทุกคนจะทำได้  แต่ถ้าในการปฏิบัติงานนั้น ผู้ใดละเว้น ฝ่าฝืน หรือ หลีกเลี่ยงหน้าที่ ย่อมทำให้ระบบบกพร่องและล้มเหลวในที่สุด 
     
ข. สาเหตุของความล้มเหลวของระบบการเมือง ที่ผ่านมานั้นมาจากไหน ? แก้ไขอย่างไร ?
     ต่อเนื่องจากประเด็นที่ 1 ที่มาของ สส. ต้องมาจากประชาชนอย่างแท้จริงเท่านั้น จึงจะสนองความต้องการของประชาชนได้ ถ้าเขาเป็นอดีตข้าราชการ หรือ ต้องสังกัดพรรคการเมือง ย่อมหมายถึง เขาเป็นตัวแทนของพรรค ตัวแทนของข้าราชการ ตัวแทนของกลุ่มอิทธิพล เขามาจากพรรคพวก เขาจึงต้องสนองความต้องการของพรรคพวก หรือข้าราชการที่สนับสนุนเขาก่อน และต้วยเหตุนี้จึงเกิดมีกลุ่มอิทธิพลขึ้นมากมาย ในระบบราชการ รวมถึงในสภาผู้แทนฯ ด้วย นั่นเอง
     ต่อเนื่องจากประเด็นที่ 2 แม้ว่าเราจะสามารถเลือกตั้งได้ สส. ที่เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริงแล้วก็ตาม แต่ในการป้องกันการสร้างขุมกำลังอำนาจของผู้ที่ได้รับเลือกตั้งนั้น ต้องมีขอบเขตชัดเจน การใช้อำนาจของ สส. ต้องไม่เกินเลยความจำเป็น หรือต้องจำกัดขอบเขตหรือกรอบอำนาจเอาไว้เพียง "กำกับ" การทำงานและ "ดูแล" สวัสดิการของข้าราชการ ให้เหมาะสม (เป็นเพียงการอนุมัติ หรือตัดทอนงบประมาณ แต่ไม่มีสิทธินำเสนอหรือปฏิบัติงานเสียเอง) มีอำนาจฟ้องร้อง กล่าวโทษได้ แต่ไม่มีอำนาจสั่งการ สับเปลี่ยน แบ่งฝ่าย โยกย้ายพรรคพวกมาเป็นขุมอำนาจแต่อย่างใด (การสับเปลี่ยนโยกย้าย จะเป็นไปตามวาระและกำหนดการเลือกตั้งของกระทรวง ทบวง กรมนั้น ๆ)